การจัดดอกไม้สมัยใหม่
การจัดดอกไม้แบบสมัยใหม่ ดูเหมือนจะได้รับอิทธิพลมาจากญี่ปุ่นเป็นอันมาก โดยมีอิทธิพลของจิตรกรเป็นส่วนประกอบด้วย เพราะลักษณะรูปแบบในการจัดดอกไม้ตามแบบสมัยใหม่ มีทีท่าส่อไปในรูปแบบที่คำนึงถึงความง่าย ความสะดวก เช่นเดียวกับการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น ไม่พิถีพิถันในการเลือกสรรวัสดุการจัดและอุปกรณ์แต่อย่างได หากแต่ว่าได้เน้นหนักไปในทางที่จะต้องทำให้ได้ส่วนสัมพันธ์และรับกันกับแบบของเครื่องเรือนหรือลักษณะและรูปแบบของห้องที่นำมันไปประดับเป็นส่วนประกอบมากกว่าอื่นใดทั้งหมด
ความสวยงามละลานตาตามคติเก่าๆ ในการจัดดอกไม้ แทบจะไร้ความหมาย สำหรับการจัดดอกไม้ตามแบบสมัยใหม่นี้ เหตุนี้เอง หลักสำคัญในการจัดดอกไม้แบบนี้จึงขึ้นอยู่กับแนวหรือเส้นของรูปพรรณ อันเป็นผลทำให้ไม้และใบไม้ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งกว่าดอกไม้เสียด้วยซ้ำ
การคำนึงในเรื่องของสีได้เป็นสิ่งที่พึงระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษทีเดียว เพราะรสนิยมของคนในสมัยใหม่นั้น ส่วนมากมักไม่ใคร่ชอบสีที่ตัดกันอย่างแท้จริง หากแต่ชอบสีที่กลมกลืนคล้ายคลึงกันมากกว่า เช่น ห้องสีแดง ก็มักจะจัดดอกไม้สีแดงแก่หรืออ่อน หรือสีชมพู หรือสีส้ม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองสามอย่างควบคู่กัน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่รสนิยมของแต่ละบุคคล ยิ่งไปกว่านั้น แม้การเลือกสีจะเป็นสีที่มีโทนเดียวกัน แต่ก็ยังต้องคำนึงถึงน้ำหนักของสีอีกด้วย กล่าวคือ มักจะไม่นิยมใช้สีที่สดกว่า หรือแก่กว่ากันจนเกินไป ถ้าสมมุติว่า ห้องนั้นเป็นสีอ่อนหรือสีจางๆ ก็มักจะต้องใช้ดอกไม้สีอ่อนหรือจางด้วย จะเข้มกว่าหรือจางกว่าก็เพียงเล็กน้อย ไม่แตกต่างกันจนเกินไปนัก
การจัดดอกไม้แบบสมัยใหม่นั้น
เราอาจจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
แบบโมเดิร์น หรือแบบทันสมัย
แบบแอ๊บสแตร็ค หรือแบบคำนึงถึงสัญลักษณ์มากกว่าความสมจริง
แบบแฟนซี หรือแบบที่ดูแปลกๆ พิสดาร
ลักษณะ วิธีการ และรูปแบบ การจัดดอกไม้แบบสมัยใหม่ทั้ง 3 ประการนั้น ส่วนใหญ่มิได้แตกต่างกันมากนัก เพราะหลักการสำคัญที่ยึดถืออยู่ก็คือ เส้นหรือแนวนั้นเอง จนอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นการจัดแบบเดียวกัน แต่ที่แยกประเภทเอาไว้นั้น ก็เพื่อที่จะให้เป็นที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น และเป็นการสะดวกที่จะทำความเข้าใจกันในโอการต่อไปเท่านั้น
งานศิลปะนั้น ไม่ว่าจะเป็นศิลปะประเภทใด ต่างก็ต้องการรูปแบบที่สร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ลอกเลียนแบบใคร ทั้งนี้หากเราสร้างสรรค์งานศิลปะได้แต่เพียงวิธีที่ต้องลอกเลียนแบบเสียแล้ว งานก็ย่อมไม่ก้าวหน้า ความสามารถก็จะมีอยู่ในขอบเขตที่จำกัด ถ้าเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนกับนกแก้วหรือนกขุนทองที่พูดได้ก็เฉพาะถ้อยคำที่เจ้าของสอนเอาไว้ให้พูดเท่านั้น จะคิดหรือพูดคำอื่นๆ ไม่ได้ ซึ่งมันไม่ผิดอะไรกับเครื่องจักร ดังเช่นวิทยุ โทรทัศน์ ที่จะเกิดภาพหรือมีเสียงก็แต่เฉพาะที่คนจัดรายการส่งออกอากาศเท่านั้น คนที่รับฟังหรือชมอยู่ แม้จะอยากชมสิ่งแปลก ก็ไม่สามารถฟังหรือชมได้ดังใจปรารถนา ค่าของมันก็ลดน้อยลง คราวนี้ถ้าเรามาลองสมมุติกันดูว่า หากเรามีโทรศัพท์ที่สามารถจะให้ภาพให้เสียงได้ตามที่ใจเราต้องการจะได้เห็นได้ยิน หรือมีวิทยุที่สามารถส่งเสียงเพลงที่เราต้องการฟังได้ทุกขณะทุกเวลา วิทยุหรือโทรทัศน์เครื่องนั้นๆ จะกลายเป็นของที่มีค่าเลอเลิศเพียงใดเห็นจะไม่จำเป็นต้องพูดถึงกันอีก
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การปลูกพริกขี้หนู
ปลูกพริกขี้หนู (Hot Chilli)
สมที่สุดคือดินร่วนปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรด
เป็นด่างของดิน 6.0 - 6.8 ปลูกได้ตลอดปี พริกขี้หนูเป็นพืชที่ใช้ส่วนของผลบริโภค ในรูปของพริกสดและพริกแห้ง และสามารถใช้
ประกอบอาหารได้หลายชนิด มีรสเผ็ด
การเตรียมดินเพาะกล้า
ใช้จอบขุดหน้าดินลึก 15 - 20 ซม.(1 หน้าจอบ)
เตรียมทำเป็นแปลงกว้าง 1 เมตร
ผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว คลุกเคล้าดินกับปุ๋ย
ให้เข้ากัน
ปรับหน้าดินให้ละเอียดและเรียบ
หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง
ใช้แกลบหรือฟางข้าวบางๆกลบหน้าดิน
รดน้ำให้ชุ่ม
อายุของต้นกล้าที่ควรย้ายปลูก ประมาณ 25 - 30 วัน
การเตรียมแปลงปลูกและย้ายกล้า
ใช้จอบขุดหน้าดินลึก 15 - 20 ซม. ทำแปลงขนาดกว้าง 1 เมตร
ความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่
ผสมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก คลุกเคล้ากับดิน
ขุดหลุมปลูกโดยใช้ระยะห่างระหว่างต้น 30 ซม. ระหว่างแถว
70 - 80 ซม.
รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราส่วนหลุมละ 1/2
ช้อนชา ทับหน้าปุ๋ยเคมีด้วยปุ๋ยคอกหลุมละ 1 กะลามะพร้าว
ถอน แยกต้นกล้าลงปลูก หลุมละ 1 ต้น
ราดน้ำตามให้ชุ่ม
การดูแลรักษา
การให้ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 13-13-21
อัตรา 1 ช้อนชาต่อต้น ทุกๆ 15 - 20 วัน โดยโรยห่างโคนต้น
5 ซม. และรดน้ำตามทันที
หรือจะใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ปุ๋ย
วิทยาศาสตร์น้อยลงได้
การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่าให้ขาดน้ำ
โดยเฉพาะช่วงแรกหลังย้ายปลูก
การพรวนดินกำจัดวัชพืช ควรพรวนดินและกำจัดวัชพืช
ในระยะแรก อย่าให้วัชพืชรบกวน จะแย่งอาหารได้
การเก็บเกี่ยว
พริกขี้หนูเป็นพืชที่มีอายุเก็บเกี่ยวได้หลัง ย้ายกล้าลงปลูก
60 - 90 วัน การเก็บเกี่ยวควรเก็บทุกๆ 5 - 7 วัน
โดยใช้วิธีเด็ดทีละผล อย่าเก็บทั้งช่อ เพราะผลแต่ละช่อแก่ไม่
พร้อมกัน พริกขี้หนูสามารถเก็บได้ยาวนานถึง 6 เดือน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)